GAT คือ การทดสอบตามรายวิชาความถนัดทั่วไป มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า General Aptitude Test เพื่อวัดศักยภาพความพร้อมถึงโอกาสประสบผลสำเร็จของผู้ที่ต้องการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งการสอบเข้าระดับอุดมศึกษา มีการเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่ยุค Entrance, การสอบ A-Net, O-Net มาจนถึงรูปแบบล่าสุดนั่นคือ การสอบ GAT / PAT เพื่อให้ผู้ที่เตรียมสอบทุกคนรู้จักกับการสอบประเภทนี้ จึงนำเอารายละเอียดต่าง ๆ มานำเสนอกันอย่างละเอียด ซึ่งขออธิบายถึงการสอบ GAT คืออะไร มีรูปแบบการสอบเรื่องไหนบ้าง และการเตรียมตนเองให้พร้อมก่อนสอบ
GAT คืออะไร มีสอบอะไรบ้าง
GAT คือ การทดสอบตามรายวิชาความถนัดทั่วไป มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า General Aptitude Test เพื่อวัดศักยภาพความพร้อมถึงโอกาสประสบผลสำเร็จของผู้ที่ต้องการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ดำเนินการโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทศ. เมื่อได้คะแนนมาแล้วพร้อมกับคะแนน PAT จะถูกนำไปใช้เพื่อคัดเลือกเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ตามระบบการรับตรง ทั้งนี้ในเรื่องกฎเกณฑ์และข้อกำหนดจะขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัยหรือคณะเรียนเป็นผู้ระบุ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนในการสอบ ได้แก่
ส่วนที่ 1 ทดสอบด้านความสามารถในการอ่าน, การเขียน, การคิดในเชิงวิเคราะห์ และการแก้ไขโจทย์ปัญหา คะแนนเต็ม 150 คะแนน
ส่วนที่ 2 ทดสอบด้านความสามารถในการสื่อสารด้วยการใช้ภาษาอังกฤษ คะแนนเต็ม 150 คะแนน ประกอบไปด้วย
- Speaking and Conversation (การพูดและการสนทนา)
- Vocabulary (คำศัพท์)
- Structure and Writing (โครงสร้างภาษาและการเขียน)
- Reading Comprehension (การอ่านเพื่อวิเคราะห์)
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสอบ GAT
1. ฝึกฝนการทำข้อสอบ GAT อย่างสม่ำเสมอ
ข้อสอบ GAT คือ ข้อสอบประเภทการคิด วิเคราะห์ ผู้ที่ต้องการสอบให้ได้คะแนนดีจึงต้องหมั่นฝึกฝนในการทำข้อสอบเก่า ๆ ให้เยอะที่สุด และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้รอบด้าน หากเจอกรณีที่มีข้อสงสัย ไม่เข้าใจคำถามและคำตอบต้องกลับไปอ่านซ้ำแล้ววิเคราะห์ถึงเหตุผลที่คำตอบออกมา ข้อดีของการทำข้อสอบเก่าเป็นประจำจะทำให้ผู้สอบเห็นคำศัพท์ที่ถูกใช้บ่อย แนวทางของประโยคคำถาม รูปแบบของคำตอบที่ต้องเลือก ภาษาที่นิยมใช้ในการออกโจทย์แต่ละส่วนเนื้อหา
ซึ่งข้อสอบสำหรับนำมาใช้ในการฝึกทำควรเป็นข้อสอบที่มาจากหลายรอบการสอบ เพื่อมองเห็นความแตกต่าง สังเกตถึงประเด็นหลักที่ตัวข้อสอบมักนำมาใช้ออกกันบ่อย ๆ หรือบางเรื่องมีเนื้อหาที่เยอะกว่าเรื่องอื่น เป็นต้น อีกทั้งการทำข้อสอบเก่ายังช่วยให้ผู้สอบมองเห็นถึงข้อผิดพลาด มีส่วนไหนที่ยังเป็นจุดด้อย ทำได้ไม่ดีพอ เพิ่มการฝึกฝนและทบทวน
2. อ่านหนังสือเตรียมสอบ GAT
การอ่านหนังสือสำหรับเตรียมสอบ GAT ช่วยให้ผู้สอบได้เข้าใจถึงเนื้อหาเรื่องต่าง ๆ ของการสอบที่ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะในหนังสือจะมีคำอธิบายชัดเจน สร้างความเข้าใจได้ดี ซึ่งประเภทของหนังสือเตรียมสอบ GAT มีด้วยกันหลายเล่ม สามารถเลือกเล่มที่ตนเองสนใจ หรือถ้ารู้ว่ายังไม่ถนัดในเรื่องใดก็สามารถเลือกหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวมาอ่านได้เช่นกัน ส่วนหนังสืออีกประเภทที่แนะนำคือ หนังสือที่มีข้อสอบและเฉลยในช่วงท้ายเล่ม เพื่อเป็นการฝึกฝนหลังจากได้อ่านมาครบถ้วน
3. เข้าคอร์สติวกับติวเตอร์มืออาชีพ
คอร์สติว GAT หรือติว TGAT ในปัจจุบันมีหลายสถาบันที่เปิดให้กับผู้สนใจใช้บริการ แต่ต้องเลือกกับติวเตอร์มืออาชีพ มีทักษะ มีความรู้ในการสอนและถ่ายทอดเนื้อหาออกมาอย่างครบถ้วน ละเอียด ใครที่เลือกเข้าคอร์สเหล่านี้แล้วเกิดข้อสงสัย ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถทำได้ทันที ปัจจุบันมีรูปแบบการเรียนที่สถาบันและการเรียนออนไลน์ รวมถึงติวเตอร์ส่วนใหญ่จะบอกเทคนิคการสอบเพิ่มเติมสำหรับนำเอาไปใช้งาน
4. เตรียมร่างกายและวางแผนในการสอบ
เมื่อมีความพร้อมในเรื่องข้อมูล ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการสอบ GAT ผู้สอบต้องมีการเตรียมสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีก่อนถึงวันสอบจริง เช่น การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในทุกวันอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง โดยเฉพาะคืนก่อนสอบ, เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยก่อนสอบ, วางแผนเดินทางให้ถึงสถานที่สอบล่วงหน้าอย่างน้อย 30-60 นาที, เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เอกสารต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการสอบให้ครบถ้วน เป็นต้น
สรุป
การสอบ GAT คือ อีกปัจจัยที่บอกว่าผู้เข้าสอบสามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ดีเพียงใด การเตรียมตนเองให้พร้อม รู้จักการสอบอย่างชัดเจน จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน
เรียนภาษาอังกฤษ ม.ปลาย ครบ เป๊ะ ตรงจุด กับ พี่หมอนิริน คลิก